10 Most Important Leadership Skills For The 21st Century Workplace (And How To Develop Them) With the rise of the gig economy and with many companies adopting flatter, more flexible organizational structures, now is the perfect time to refocus on what good leadership looks like. Because, in our rapidly changing workplaces, leadership will apply to more people than ever before. คุณอาจดูแลโครงการที่ต้องประสานงานกับสมาชิกในทีมหลายคน หรือคุณอาจเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ทำงานร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ หรือคุณอาจมีบทบาทในการจัดการแบบดั้งเดิม ไม่ว่าตำแหน่งงานของคุณจะเป็นเช่นไร ความสามารถในการดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวผู้คนออกมา จะเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จ แน่นอนว่า การเป็นผู้นำที่ดีนั้น จำเป็นต้องขัดเกลาทักษะหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน ต่อไปนี้เป็นทักษะ 10 ประการที่จำเป็นสำหรับผู้นำ พร้อมด้วยคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับวิธีพัฒนาทักษะเหล่านั้น

1. พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
8 มีนาคม 2567

2. From: 10 Most Important Leadership Skills For The 21st Century Workplace (And How To Develop Them) (forbes.com)
By Bernard Marr
Jul 26, 2022
With the rise of the gig economy and with many companies adopting flatter, more flexible organizational
structures, now is the perfect time to refocus on what good leadership looks like. Because, in our
rapidly changing workplaces, leadership will apply to more people than ever before.

3. เกี่ยวกับผู้ประพันธ์
 Bernard Marr เป็นนักอนาคตวิทยาที่มีชื่อเสียงระดับโลก คณะกรรมการ
ที่ปรึกษาและผู้ประพันธ์ Generative AI in Practice: 100+ Amazing
Ways Generative Artificial Intelligence is Changing Business and
Society
 เขาได้ประพันธ์หนังสือขายดีและได้รับรางวัลมากกว่า 20 เล่ม รวมทั้ง
ให้คาแนะนาและเป็นโค้ชแก่องค์กรที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่ง
 เขามีผู้ติดตามกว่า 4 ล้านคน ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและจดหมาย
ข่าวของเขา และได้รับการจัดอันดับโดย LinkedIn ให้เป็นหนึ่งใน 5 ผู้มี
อิทธิพลทางธุรกิจของโลก

5. เกริ่นนา
 คุณอาจดูแลโครงการที่ต้องประสานงานกับสมาชิกในทีมหลายคน หรือคุณอาจเป็นหนึ่งในสมาชิกที่
ทางานร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ หรือคุณอาจมีบทบาทในการจัดการแบบดั้งเดิม
 ไม่ว่าตาแหน่งงานของคุณจะเป็นเช่นไร ความสามารถในการดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวผู้คนออกมา จะ
เป็นส่วนสาคัญของความสาเร็จ
 แน่นอนว่า การเป็ นผู้นาที่ดีนั้น จาเป็ นต้องขัดเกลาทักษะหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน ต่อไปนี้ เป็ นทักษะ
10 ประการที่จาเป็นสาหรับผู้นา พร้อมด้วยคาแนะนาบางประการเกี่ยวกับวิธีพัฒนาทักษะเหล่านั้น

6. 1. การสร้างแรงจูงใจให้ผู้อื่น (Motivating others)
 ความสามารถในการสร้างแรงจูงใจผู้อื่น เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทาสิ่งที่ดี
ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วคุณจะจูงใจผู้อื่นให้ดีขึ้ นได้อย่างไร?
 ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผู้คนทราบว่าบทบาทของตนนั้น มีส่วนช่วยวิสัยทัศน์ของบริษัทอย่างไร โดย
พื้นฐานแล้ว งานของพวกเขาก็มีความสาคัญ
 มีความชัดเจนว่า คุณต้องการให้คนอื่นทาอะไร ทาไม และเมื่อใด และที่สาคัญคือ ให้ผู้คนมีอิสระใน
การทางานเหล่านั้น ให้สาเร็จตามต้องการ
 แสดงความขอบคุณ และเฉลิมฉลองความสาเร็จ

7. 2. การส่งเสริมศักยภาพ (Fostering potential)
 ผู้นาที่ยิ่งใหญ่มองหาศักยภาพ ไม่ใช่ประสิทธิภาพ ต่อไปนี้ เป็ นสามวิธีในการส่งเสริมศักยภาพ
 อย่าตกหลุมพรางในการทาให้คนอื่นคิดและทาเหมือนคุณ กระตุ้นให้พวกเขาคิดและทาตัวเป็นพวก
เขาเอง
 ให้คนอื่นรู้ว่า บางครั้งความล้มเหลวก็เป็ นเรื่องปกติ นี่เป็ นส่วนหนึ่งของการสร้างแรงบันดาลใจให้
ผู้คนกล้าเสี่ยง ก้าวออกจากเขตความสะดวกสบายของตนเอง และทดสอบแนวคิดใหม่ๆ
 อย่าปล่อยให้ผู้คนชะล่าใจ กระตุ้นให้พวกเขาพัฒนาทักษะ และคิดถึงขั้นต่อไปในอาชีพการงานของ
พวกเขา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

8. 3. สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความไว้วางใจ (Inspiring trust)
 อะไรทาให้ผู้นาน่าเชื่อถือ? พฤติกรรมต่อไปนี้ เป็ นจุดเริ่มต้นที่ดี
 มีจริยธรรม หมายถึงความซื่อสัตย์และโปร่งใส การรักษาสัญญา และต้องแน่ใจว่า คุณไม่ได้พูดอย่าง
ใดอย่างหนึ่ง แล้วทาอีกอย่างหนึ่ง
 ทาให้ค่านิยมของคุณชัดเจน และแน่นอนว่า ต้องดาเนินชีวิตตามค่านิยมเหล่านั้น
 ยืนหยัดในสิ่งที่คุณเชื่อ

9. 4. การรับและมอบหมายความรับผิดชอบ (Taking on and giving up responsibility)
 ผู้นาที่ดีมีความรับผิดชอบ แต่พวกเขายังรู้ว่าเมื่อใดควรมอบหมายให้ผู้อื่น
 รู้จุดแข็งของคนรอบข้าง และจัดสรรความรับผิดชอบให้เหมาะสม
 ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผู้คนมีความรู้ ทรัพยากร และเครื่องมือที่จาเป็น ต่อการประสบความสาเร็จ
 ตัดสินใจว่า คุณจะติดตามความคืบหน้าโดยไม่ใช้การจัดการแบบยิบย่อยอย่างไร ตัวอย่างเช่น คุณ
สามารถตกลงกันว่า บุคคลนั้นจะรายงานกลับมาหาคุณอย่างไร และบ่อยเพียงใด รวมถึงวิธีที่ดีที่สุด
สาหรับพวกเขา ในการตั้งคาถามใดๆ

10. 5. คิดอย่างมีกลยุทธ์ (Thinking strategically)
 การคิดเชิงกลยุทธ์ต้องการผู้นามีมุมมองที่กว้างขึ้ น เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาทางธุรกิจ และ
วางแผนระยะยาวสาหรับอนาคตได้
 รู้จักความแตกต่างระหว่างความเร่งด่วนและความสาคัญ งานดับเพลิงเป็นงานเร่งด่วนอาจทาให้คุณ
เสียเวลาและพลังงานไปมาก ทาให้เหลือเวลาให้น้อยมากสาหรับสิ่งที่สาคัญในภาพรวมแต่ไม่เร่งด่วน
เตือนตัวเองถึงลาดับความสาคัญของงานอยู่เสมอ และจัดการเวลาให้เหมาะสม
 ใช้การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เพื่อรวบรวมข้อมูลและค้นหาวิธีแก้ปัญหา สาหรับคาถามเชิงกลยุทธ์ที่
เร่งด่วนที่สุดของคุณ ตัวอย่างเช่น การเติบโตของเราจะมาจากไหนในอีกสามหรือห้าปีข้างหน้า
 อย่าเพียงพึ่งพาการสันนิษฐานหรือสัญชาตญาณ ในการตอบคาถามดังกล่าว

11. 6. การตั้งเป้าหมายและความคาดหวังสาหรับทุกคน (Setting goals and expectations for everyone)
 การตั้งเป้าหมายเป็ นวิธีที่ดีในการขับเคลื่อนผลงาน แต่คุณได้พิจารณาวิธีการตั้งเป้าหมายที่มีพลังมาก
ขึ้ นแล้วหรือยัง?
 แทนที่จะใช้แนวทางจากบนลงล่างแบบดั้งเดิม (โดยที่ผู้นากาหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ จากนั้น
ผู้จัดการจะกาหนดเป้าหมายสาหรับทีมและบุคคล) คุณอาจต้องการพิจารณาแนวทางของ
วัตถุประสงค์และผลลัพธ์หลัก (Objectives and Key Results: OKRs)
 ด้วย OKRs ผู้นาจะกาหนด OKRs เชิงกลยุทธ์สาหรับธุรกิจ จากนั้นแต่ละทีมและแต่ละบุคคลจะ
ออกแบบ OKRs ของตนเอง ซึ่งมีส่วนช่วยให้บรรลุ OKRs เชิงกลยุทธ์ของบริษัท
 OKRs ควรเรียบง่ายและคล่องตัว ลืมการตั้งเป้าหมายประจาปี ไปได้เลย โดยทั่วไป OKRs จะกาหนด
เป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส

12. 7. การให้ (และรับ) รายงานป้อนกลับ (Giving (and receiving) feedback)
 ผู้นาที่ดีสามารถให้และรับการป้อนกลับทั้งเชิงบวก และเชิงลบ (หรือที่เรียกว่าสร้างสรรค์) แก่ผู้คน
 คุณคงไม่ต้องการที่จะบอกใครบางคนด้วยรายการสิ่งที่พวกเขาทาผิดมากมาย ควรมีกระบวนการ
สาหรับการติดต่อพูดคุยตามปกติแทน ซึ่งคุณสามารถพูดคุยผ่านความคืบหน้าและให้ข้อเสนอแนะได้
 อย่าใช้ความคิดป้อนกลับเชิงสร้างสรรค์พร้อมกับการชมเชย แม้ว่าการให้คาชมเชยผู้อื่นเป็นประจา
เป็นสิ่งสาคัญ แต่ไม่ควรทาพร้อมกับการป้อนกลับที่สร้างสรรค์ เมื่อคุณประกบความคิดเห็นเชิงลบ
เข้ากับความคิดเห็นเชิงบวก มีความเสี่ยงที่บุคคลนั้นจะได้ยินเพียงแต่สิ่งดีๆ
 เจาะจง ไม่ใช่ใช้อารมณ์ ปฏิบัติเสมือนเป็นการสนทนาที่ตรงไปตรงมา โดยใช้ตัวอย่างที่เจาะจงและ
เป็นรูปธรรม แทนความคิดเห็นหรืออารมณ์

13. 8. การสร้างทีม (Team building)
 ผู้นาที่ดีก็เหมือนกับผู้จัดการทีมฟุตบอล ที่ต้องเลือกผู้เล่นที่แข็งแกร่งซึ่งมีบทบาทที่แตกต่างกัน
จากนั้นจึงกาหนดผู้เล่นเหล่านั้น ให้เป็นหน่วยที่เหนียวแน่น
 จาไว้ว่า แต่ละคนมีทักษะและประสบการณ์เฉพาะของตนเอง ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งต่างๆ และมี
รูปแบบการทางานที่แตกต่างกัน ให้ยอมรับสิ่งนี้ แทนที่จะพยายามทาให้ทุกคนประพฤติแบบเดียวกัน
 สร้างรูปแบบพฤติกรรมที่คุณต้องการเห็นคือ เชื่อมโยงกันในฐานะมนุษย์ แสดงความสนใจ การรับฟัง
ซึ่งกันและกัน การปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความเคารพและให้เกียรติ และการสนับสนุนซึ่งกันและกัน
 ให้ข้อเสนอแนะ และให้รางวัลของงานที่ทาได้ดี

14. 9. คิดบวก (Positivity)
 หากคุณแสดงท่าทีด้วยทัศนคติเชิงลบว่า สิ่งนี้ ใช้ไม่ได้ผล สิ่งนั้นห่วย ทาไมเราต้องกังวล มันจะ
แพร่กระจายไปทั่วทีมของคุณในไม่ช้า วิธีการเป็นผู้นาคิดบวกคือ
 คิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับภาษาที่คุณใช้ทั้งวาจาและการเขียน ใช้คาที่มีความหมายเชิงบวก เปลี่ยน
ปัญหา ให้เป็น โอกาส คือตัวอย่างที่ดี
 เฉลิมฉลองความสาเร็จทั้งเล็กและใหญ่ การเน้นชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ บ่อยๆ อาจส่งผลดีพอๆ กับ
การเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งใหญ่เป็ นระยะๆ
 ต่อต้านความอยากที่จะบ่นต่อหน้าทีมของคุณ ดังที่ Tom Hanks พูดกับกลุ่มทหารของเขาใน Saving
Private Ryan ว่า บ่นตามลาดับขึ้ นไป ไม่ใช่ลง ขึ้ นเสมอ

15. 10. ความแท้จริง (Authenticity)
 การเป็นผู้นาที่แท้จริงเป็นส่วนสาคัญของการสร้างความไว้วางใจ นอกจากการมีจริยธรรมแล้ว สิ่งคุณ
ยังต้องการคือ
 ฝึกการตระหนักรู้ในตนเอง ผู้นาที่ดีจะตระหนักถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของตน
 เปิ ดใจเกี่ยวกับจุดอ่อนเหล่านั้นแทนที่จะพยายามซ่อนมัน
 นาตัวตนทั้งหมดของคุณมาทางาน แทนที่จะมีบุคลิกหนึ่งในการทางาน และอีกบุคลิกหนึ่งนอกที่
ทางาน

16. —Gen. Colin Powell